วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

บันทึกอนุทินครั้งที่10

🍄  บันทึกอนุทินครั้งที่10  🍄


วันอังคารที่ 3 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2563
เวลา 08:30-12:30 น.

👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่1

🌵 อาจารย์พูดเกี่ยวกับงานที่ให้ส่งอาทิตย์หน้าให้สรุปเป็นมายแมพเป็นการบ้าน 
       
🌵อาจารย์ให้ดูคลิปเทคนิคการเล่านิทานของอ.พี่มู
      
🌵 อาจารย์ได้มอบหมายงานให้ทำสื่อเพื่อพัฒนาลูกรัก ทำเป็นคู่





ประเมินอาจารย์ ตนเอง เพื่อน


ประเมินอาจารย์

    อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีกิิจกรรมมาให้ทำตลอดเวลา และหลากหลาย


ประเมินตนเอง

    เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้ทำ ออกความคิดเห็นและช่วยงานกลุ่มอย่างเต็มที่


ประเมินเพื่อน

    เพื่อนมีทั้งคนเข้าเรียนตรงเวลา อาจจะมีซัก 2-3 คนที่มาสาย ตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้ทำทุกกิจกรรม




สรุปบทความคณิตศาสตร์

🍕  สรุปบทความคณิตศาสตร์ 🍕

เรื่อง 9 สุดยอดวิธีที่จะช่วยพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับลูกน้อยของคุณ


🍠 คลิกดูบทความที่นี่ 🍠


🍰 เนื้อหาของบทความ 🍰


การเรียนคณิตศาสตร์จะง่ายดายเหมือนการนับเลขถ้าใช้เคล็ดลับเหล่านี้

เชื่อหรือไม่ว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่จะเริ่มเรียนรู้คณิตศาสตร์ทันทีที่เขาได้เริ่มสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขา ทั้งการเรียกสี การจัดรูปทรง และการนับนิ้วหนึ่งถึงสิบเป็นทักษะทางคณิตศาสตร์ที่คุณสามารถปลูกฝังให้ลูกของคุณได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

คณิตศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อเพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถเพิ่มทักษะคณิตศาสตร์ให้ลูกคุณได้ตอนที่กำลังเล่นในบ้านหรือตอนที่ออกไปเล่นข้างนอก นี่คือเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ทักษะทางคณิตศาสตร์ของลูกคุณดีขึ้น

เคล็ดลับในการกระตุ้นทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ในเด็กอ่อน

  1. นับสิ่งของที่อยู่รอบตัว

ให้ลูกของคุณนับขั้นบันได จำนวนบล็อกไม้ที่เป็นสีฟ้า รถของเล่น หรือแม้แต่ซีเรียลรูปดาวในถ้วย

  1. สนุกไปกับทริปนับเลข

ในฐานะที่คุณเป็นผู้ปกครอง คุณก็สามารถคาดหวังได้ว่าลูกตัวน้อยจะรู้เลข 0-10 ก่อนที่จะขึ้นอนุบาล ดังนั้นคุณสามารถสอนเขาได้ในทุกที่และทุกเวลา

การเดินเล่นในสวนก็มีบทเรียนคณิตศาสตร์ได้ถ้าคุณให้ลูกน้อยสังเกตตัวเลขที่อยู่ในป้ายร้านค้า ถนน ทะเบียนรถ และอื่นๆ  คุณพ่อคุณแม่ถามเขาดู เขาจะได้คุ้นเคยกับการนับเลข

  1. ให้กดหมายเลขโทรศัพท์

เวลาที่คุณพ่อแม่คุณแม่ต้องโทรหาเพื่อนหรือญาติ ให้ลูกของคุณลองกดหมายเลขโทรศัพท์ให้ วิธีนี้เป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกของคุณมีทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ดีขึ้นเพราะลูกน้อยจะได้ฝึกอ่านตัวเลขจากซ้ายไปขวา

  1. เรียนรู้ด้วยภาพ

หนังสือ ตาราง และบัตรคำศัพท์เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ ที่จะช่วยคุณในการสอนลูกน้อยนับเลขและแยกสี ลองใช้หนังสือ ตาราง และบัตรคำศัพท์ที่มีสีสบายตาและตัวอักษรใหญ่ๆ เพราะจะทำให้ลูกน้อยของคุณสนใจได้มากขึ้น

Auditory Learners เรียนรู้ด้วยเสียง

  1. Dance and sing along to counting rhymes and songs! ร้องและเต้นไปกับเพลงสอนนับเลข

“1234 1234 567 567 มีทั้ง 8 และ 9 10 มีทั้ง 8 และ 9 10  นับอีกที นับอีกที”

เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงสอนนับเลขที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสนุกไปกับลูกที่กำลังเรียนรู้เลขเบื้องต้น

นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันเพลงและวิดีโอที่ช่วยสอนคณิตศาสตร์ให้ลูกของคุณได้

  1. Baking time! เรียนเลขด้วยการทำขนม

การอบขนมไปด้วยกันเป็นวิธีที่ง่ายและอร่อยที่จะให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับปริมาณและหน่วยวัดน้ำหนัก โดยคุณพ่อคุณแม่เป็นคนอ่านสูตรและให้ลูกได้ใช้ถ้วยตวงและชามตวงส่วนผสม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ได้สนุกไปกับการนับจำนวนคุกกี้แสนอร่อยด้วย 

Physical Learners เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ

  1. Go on shape hunting! เล่นไล่ล่ารูปทรง

เมื่อเด็กอยู่อนุบาลหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่สามารถคาดหวังได้ว่าลูกตัวน้อยจะสามารถจำและวาดรูปทรงได้แล้ว วิธีที่จะช่วยพัฒนาทักษะนี้ได้ขณะที่อยู่บ้านคือ เล่นรอบๆ บ้าน และปล่อยให้เขาหารูปทรงสี่เหลี่ยม วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปหัวใจบนจาน ลายพื้นกระเบื้อง ของเล่น และอื่นๆ ด้วยวิธีง่ายๆ คือ บอกรูปทรงที่คุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยเห็น รับรองว่าสนุกมาก

  1. Play with shape sorters and blocks เล่นของเล่นทรงเรขาคณิตและสี หรือบล็อกไม้

ปริศนารูปทรงและบล็อกไม้เป็นวิธีที่ช่วยให้เด็กรู้จักเรขาคณิตเบื้องต้นควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็กและความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ ต้องทำให้ความสนใจในคณิตศาสตร์ของลูกๆ คุณเปล่งประกายโดยการใช้ของเล่นรูปทรงเรขาคณิตที่ทั้งน่าสนุกและมีสีสันร่วมกับพ่อและแม่อย่างพวกคุณ!

  1. Observe nature! สังเกตธรรมชาติ

พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและการคิดแบบนามธรรมของลูกๆ เมื่อใดก็ตามที่คุณพาเขาออกไปข้างนอก ลองมองหารูปร่างในธรรมชาติ เช่น กลีบดอกไม้ จำนวนจุดบนแมลงเต่าทอง ปลาในบ่อน้ำ และอื่นๆ

สรุปบทความวิทยาศาสตร์

  สรุปบทความวิทยาศาสตร์ 

เรื่อง เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านนิทานของเด็กปฐมวัย “เทคนิคการเลือกและเล่านิทานให้ลูกรัก” 

กิจกรรมที่แสนจะอบอุ่นในชั้นเรียนและในครอบครัว


👉👉 คลิกดูบทความที่นี่ 👈👈



🍰 เนื้อหาของบทความ 🍰

“การเล่านิทาน จริงๆ แล้วสามารถเล่าได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส เป็นกิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมได้” แต่เวลาก่อนนอน อาจเป็นเวลาที่สะดวกต่อการเล่านิทาน หลายครอบครัวจึงมักใช้เวลาก่อนนอนในการเล่านิทานให้บุตรหลานฟัง
เทคนิคการเลือกนิทานให้เด็ก ควรเลือกให้เหมาะกับวัย เช่น เด็กเล็ก เริ่มจากเรื่องราวสิ่งใกล้ตัวที่เขาชอบ เช่น สัตว์ ธรรมชาติ ภาพน่ารัก ๆ เลือกสีสัน และเนื้อหาที่ไม่ยาวเกินไป
เทคนิคการเล่านิทาน ในการเล่านิทาน จะต้องสร้างอารมณ์ร่วมในขณะที่เล่า มีการใช้โทนเสียงเวลาเล่า ปล่อยให้เด็กได้ใช้ความคิดไปกับผู้เล่าในขณะที่ฟังนิทาน การใช้เสียงต่าง ๆ จะทำให้เด็กได้สังเกตอารมณ์ของการใช้เสียง
นอกจากเสียงเล่าแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นประกอบ เช่น หุ่นมือ หุ่นนิ้ว วาดไปเล่าไป ถ้ามีการใช้สื่อในบางโอกาส เด็กก็จะชอบ การนำของจริงที่เกี่ยวข้องกับนิทานมาให้เด็กดูประกอบการเล่านิทาน อาจทำให้เด็กอยากเกิดความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่เล่า ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงต่อยอดประสบการณ์ภายหลังได้
นิทานบางเรื่องถึงเด็กจะอ่านไปแล้ว แต่เด็กปฐมวัยอยู่ในวัยที่ชอบฟังซ้ำๆ ซึ่งก็เกิดการเรียนรู้ตามมา “เด็กคนไหนที่มีโอกาสฟังนิทานเยอะ ก็จะเปิดประสบการณ์ได้เยอะ นิทานเรื่องเดียวเล่าได้ซ้ำๆ และเปิดมุมมองในการเรียนรู้ได้หลายแง่มุม”
นอกจากนั้น ข้อควรระวังในการเล่านิทาน ก็คือ “เวลาเล่านิทาน ถ้าเด็กมีความคิดใหม่ ๆ หรือคำพูดที่ไม่ตรงกับสิ่งที่พ่อแม่ต้องการหรือคาดหวัง ก็ไม่ควรปฏิเสธ เพราะจะปิดกั้นความคิด อาจทำให้เด็กขาดความมั่นใจ คือ อย่าเพิ่งไปบอกเด็กว่าไม่ใช่ อาจจะเฉยๆ ไปก่อน หรือมีวิธีพูดอย่างอื่น” ไม่ควรหยุดเล่ากลางคัน เพื่อผละไปทำอย่างอื่นในขณะที่เด็กมีความสนใจในเรื่องที่เล่า จะทำให้ความใฝ่รู้ของเด็กตรงนั้นสะดุด
ดร. อุไรวาส ปรีดีดิลก ฝากทิ้งท้ายว่า ในส่วนของคุณครูผู้สอนระดับปฐมวัยนั้น ปกติใช้นิทานในการเรียนการสอนอยู่แล้ว แต่อยากให้มองในการใช้นิทานเป็นสื่อในการพัฒนาเด็กหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แต่เพียงด้านภาษาอย่างเดียว อยากให้สอดแทรกเรื่องอื่นเข้าไปด้วย ซึ่งครูสามารถใช้นิทานเป็นสื่อการเรียนการสอนได้เยอะแยะแตกแขนงมากมายหลายสาขาวิชา สามารถใช้นิทานเพื่อนำไปสู่การทำโครงงานเล็กๆ การทดลองเล็ก ๆ หรือการทำกิจกรรมในชั้นเรียน ทำให้เกิดทักษะหลากหลาย
นิทานเรื่องเดียวที่เล่าไปก็จะไม่จบไปในแค่นั้นแต่จะจุดประกายต่อยอดไปสู่การพัฒนาความคิดและทักษะอื่นๆ อีกมากมายได้





สรุปวิจัยวิทยาศาสตร์

🥬  สรุปวิจัยวิทยาศาสตร์ 🥬

เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานที่มี ต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1

 โรงเรียนบ้านวังหันน้้าดึง อ้าเภอคลองขลุง จังหวัดก้าแพงเพชร


ปริญญานิพนธ์

ของ

รัศมี อ่วมน้อย

👇👇👇👇

คลิกดูวิจัยที่นี่


🍹  วัตถุประสงค์ของการวิจัย  🍹

1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1 2. เพื่อใช้และศึกษาผลการใช้กิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดย ใช้สมองเป็นฐานที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 โดย

2.1 เปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้กิจกรรมการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1 

2.2 ศึกษาจิตวิทยาศาสตร์หลังได้รับการจัดกิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แบบสืบ เสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาล ปีที่1 

2.3 ศึกษาระดับความสุขในการเรียนรู้หลังการใช้กิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1

🍹 วิธีด้าเนินการวิจัย 🍹

การวิจัยในครั้งนี้ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development)โดยดาเนินการ ทดลองตามแบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังเรียน (One group pretest-posttest design)

🍹  ประชากร  🍹

ที่ใช้ในการวิจัยคือเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 ของ กลุ่มโรงเรียนวังแขมวังยาง อ าเภอคลองขลุง จังหวัดก าแพงเพชร ส ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาก ำแพงเพชรเขต 2จำนวน 83คน กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยคือเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2557 

จำนวน 14 คน โรงเรียนบ้านวังหันน้ าดึง อ าเภอคลองขลุง จังหวัดก าแพงเพชร ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาก าแพงเพชรเขต 2 ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากผู้วิจัย ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูผู้สอนในโรงเรียนบ้านวังหันน้ าดึง 

🍹 ตัวแปรที่ศึกษา  🍹

1. ตัวแปรต้นได้แก่การใช้กิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมอง เป็นฐาน 

2. ตัวแปรตาม ได้แก่ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ และความสุขในการ เรียนรู้ 

 🍹 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา  🍹

1.แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน จ านวน 15หน่วย การเรียนรู้ 

2. แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่มีคำถามเป็นรูปภาพ เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบมี3 ตัวเลือกมีเกณฑ์การให้คะแนน คือ ตอบถูกให้1 คะแนนตอบผิดให้0 คะแนนจ านวน 20 ข้อ

 3. แบบวัดจิตวิทยาศาสตร์เป็นแบบสังเกตพฤติกรรมที่บ่งชี้คุณลักษณะของจิตวิทยาศาสตร์โดย ครูผู้สอนเป็นผู้สังเกต และแบบประเมินตนเองวัดพฤติกรรมที่บ่งชี้คุณลักษณะของจิตวิทยาศาสตร์จ านวน 6 ด้าน คือสนใจใฝ่รู้ความมุ่งมั่นมีระเบียบและรอบคอบความมีเหตุผลความใจกว้างและความซื่อสัตย์ 

4. แบบวัดความสุขในการเรียนรู้ เป็นแบบสอบถามความสุขในการเรียนรู้ของนักเรียนที่แสดง ออกมาทั้งทางกายและใจต่อการท ากิจกรรม ซึ่งมีลักษณะเป็นข้อค าถามและให้นักเรียนตอบจากภาพ ใบหน้า 3 แบบ ที่ตรงกับความคิด ความรู้สึกของนักเรียนมากที่สุด


🍭 รุปผลการวิจัย  🍭

การพัฒนากิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานที่ มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1 โรงเรียนบ้านวังหันน้ าดึง อ าเภอ คลองขลุง จังหวัดก าแพงเพชร ได้ด าเนินการตามขั้นตอนสรุปผลได้ดังนี้ 1. ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 ผู้วิจัยได้ด าเนินการสร้างตามขั้นตอนจนได้กิจกรรมจ านวน 15 หน่วยการเรียนรู้ และน าไปให้ผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาความเหมาะสมขององค์ประกอบต่างๆของกิจกรรมพบว่ากิจกรรมทั้ง 15 หน่วยการเรียนรู้ แล้ว น าไปหาประสิทธิภาพ พบว่ามีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.29/84.00 2. ผลการใช้กิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน ที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1 มีผลคือ 2.1 ผลการเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการใช้กิจกรรม การ จัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 พบว่าทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.2ผลการศึกษาจิตวิทยาศาสตร์ของผู้เรียนที่มีต่อการเรียน โดยใช้กิจกรรมการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2.3ผลของระดับความสุขในการเรียนรู้หลังการใช้กิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้สมองเป็นฐานของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่1 อยู่ในระดับมาก


บันทึกอนุทินครั้งที่9

  🍫 บันทึกอนุทินครั้งที่9 🍫


วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ 2563

เวลา 08.30 - 12.30 น

👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่1

🐙  ให้นักศึกษาวาดจุดเด่นของแม่น้ำแต่ละแห่ง โดยไม่ให้บอกชื่อแหล่งน้ำกับเพื่อนๆ กลุ่มอื่น และให้ช่วยกันทายชื่อแม่น้ำ


 สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้

🌺การสังเกตสิ่งที่เป็นลักษณะเด่นของแต่ละที่
🌺การคาดเดา
🌺การวาดภาพระบายสี
🌺ร่วมกันทายแหล่งน้ำแต่ละแห่งร่วมกับเพื่อนๆ

👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่2

 🐙 อาจารย์ให้นักศึกษาทำสไลเดอร์จากหลอด 25 อัน จากนั้นให้นำดินน้ำมันมากลิ้งเพื่อดูว่าดินน้ำมันกลุ่มไหนอยู่บนสไลเดอร์ได้นานที่สุด


 สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้

🌼การทำงานเป็นทีม
🌼การวางแผน
🌼คำนวณโครงสร้างของสไลเดอร์

👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่3

🐙 อาจารย์ให้กระดาษกับนักศึกษาพับ แล้วตัดเป็นรูปทรงดอกไม้ ระบายสี และนำไปลอยน้ำ


สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้

💞การทำปฏิกิริยาของสีและน้ำ
💞การคาดคะเนการตัดว่าตัดแบบไหนจะได้รูปทรงอะไร
💞การออกแบบดอกไม้ของตนเอง

ประเมินอาจารย์ ตนเอง เพื่อน


ประเมินอาจารย์

    อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีกิิจกรรมมาให้ทำตลอดเวลา และหลากหลาย


ประเมินตนเอง

    เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้ทำ ออกความคิดเห็นและช่วยงานกลุ่มอย่างเต็มที่


ประเมินเพื่อน

    เพื่อนมีทั้งคนเข้าเรียนตรงเวลา อาจจะมีซัก 2-3 คนที่มาสาย ตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์นำมาให้ทำทุกกิจกรรม



บันทึกอนุทินครั้งที่8

 🥑 บันทึกอนุทินครั้งที่8 🥑


วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ 2563

เวลา 08.30 - 12.30 น

👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่1

วันนี้ไม่มีการเรียนการสอนอาจารย์ให้เข้าอบรมการบรรยายพิเศษ การเป็นครูยุค "New Normmal"



บันทึกอนุทินครั้งที่7

🥑 บันทึกอนุทินครั้งที่7 🥑


วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ 2563

เวลา 08.30 - 12.30 น.


👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่1



คุณสมบัติหรือทักษะที่สำคัญ คือ 3R และ 8C ได้แก่

3R คือ Reading-อ่านออก, (W)Riting-เขียนได้, (A)Rithmatic-มีทักษะในการคำนวณ
8C
 คือ

  •  Critical Thinking and Problem Solving : มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้

  •  Creativity and Innovation : คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดเชิงนวัตกรรม

  •  Collaboration Teamwork and Leadership : ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ

  •  Communication Information and Media Literacy : ทักษะในการสื่อสาร และการรู้เท่าทันสื่อ

  •  Cross-cultural Understanding : ความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม กระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม

  •  Computing and ICT Literacy : ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และการรู้เท่าทันเทคโนโลยี ซึ่งเยาวชนในยุคปัจจุบันมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอย่างมากหรือเป็น Native Digital ส่วนคนรุ่นเก่าหรือผู้สูงอายุเปรียบเสมือนเป็น Immigrant Digital แต่เราต้องไม่อายที่จะเรียนรู้แม้ว่าจะสูงอายุแล้วก็ตาม

  •  Career and Learning Skills ทักษะทางอาชีพ และการเรียนรู้

 Compassion : มีคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะพื้นฐานสำคัญของทักษะขั้นต้นทั้งหมด และเป็นคุณลักษณะที่เด็กไทยจำเป็นต้องมี

🍟 ประเมินอาจารย์ ตนเอง เพื่อน 🍟

ประเมินอาจารย์

อาจารย์มาสอนตรงต่อเวลา มีอุปกรณ์พร้อมที่จะสอน

ประเมินตนเอง

กระตือรือร้นในการเรียนและการทำงานที่อาจารย์มอบหมาย

ประเมินเพื่อน

เพื่อนๆตั้งใจทำงานกลุ่มให้ความร่วมมือกันทำให้การทำงาน


บันทึกอนุทินครั้ง6

🥎  บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 6  🥎


วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ 2563

เวลา 08.30 - 12.30 น.

👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่1

 🐣 อาจารย์ให้ออกแบบแล้วสร้างรูปเรขาคณิตจากไม้ขีดเล็กๆและดินน้ำมัน


🐞 ประเมินอาจารย์ ตนเอง เพื่อน 🐞

ประเมินอาจารย์
    อาจารย์อธิบายขั้นตอนได้อย่างชัดเจนในการสร้าง
ประเมินตนเอง
     ตั้งใจสร้างรูปเรขาคณิตให้ออกมาดูสวยและแข็งเเรง
 ประเมินเพื่อน
      เพื่อนทุกคนตั้งในออกแบบและสร้างผลงานของตัวเองเป็นอย่างดี


บันทึกอนุทินครั้งที่5

🍉  บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่5 🍉


วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ 2563
เวลา 8.30 - 12.30 น.

👉👉การเรียนรู้ครั้งที่1

 

อาจารย์ให้เขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นชื่อตัวเอง ออกแบบตามที่ตัวเองต้องการให้สวยงาม และให้เพื่อนๆทุกคนกำหนดตัวเลขของตนเอง และให้เพื่อนๆช่วยกันทายว่าตัวเลขนั้นเกี่ยวข้องกับตัวเราเรื่องอะไร ซึ่งเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

อาจารย์ให้เพื่อนเลขที่ 1-3 ออกไปสรุป วิจัย บทความ คลิปวีดีโอ คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

 

  📊 ประเมิน อาจารยผู้สอน เพื่อนและตนเอง 📈



💭 ประเมินอาจารย์ 👩‍🏫

อาจารย์สอนได้น่าสนใจ มีความหลายหลาย 

💭 ประเมินเพื่อนร่วมชั้นเรียน 👩‍🏫

เพื่อนแต่งกายถูกระเบียบมาเรียน ตั้งใจฟังและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

💭 ประเมินตนเอง👩‍🏫

มาเรียนตรงตามเวลา ไม่พูดคุยหรือเล่นขณะที่อาจารย์สอน ส่งงานตรงตามเวลา





บันทึกอนุทินครั้งที่4

 🌞 บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4  🌞


วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ 2563

เวลา 08.30 - 12.30 น.


👉👉 การเรียนรู้ครั้งที่1

รูปแบบการเรียนรู้เด็กปฐมวัย 

🍬อายุ 3 ปี พัฒนาการด้านสติปัญญา 🍬

 - สำรวจสิ่งต่างๆที่เหมือนกันและต่างกันได้

- บอกชื่อของตนเองได้

- ขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา

- สนทนาโต้ตอบเล่าเรื่องด้วยประโยคสั้นๆได้

- สนใจนิทานและเรื่องราวต่างๆ

🍬อายุ 4 ปี พัฒนาการด้านสติปัญญา 🍬

- จำแนกสิ่งต่างๆด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าได้

- บอกชื่อและนามสกุลของตนเองได้

- พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเองหลังจากได้รับคำชี้แนะ

- สนทนาโต้ตอบเล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง

🍬อายุ 5 ปี พัฒนาการด้านสติปัญญา 🍬

- บอกความแตกต่างของกลิ่น สี เสียง รส รูปร่าง จำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้

- บอกชื่อนามสกุลและอายุของตนเองได้

- พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง

- สนทนาโต้ตอบบอกเล่าเป็นเรื่องราวได้

📌 ประเมินอาจารย์ ตนเอง เพื่อน 📊

ประเมินอาจารย์ 👩‍⚖

อาจารย์มาสอนตรงเวลา มีการเตรียมความพร้อมมาสอนได้ดี

ประเมินตนเอง 👧

มีความกระตือรือร้นในการมาเรียน ตั้งใจเรียน แต่งกายถูกระเบียบ

ประเมินเพื่อน 🧑👩

ตั้งใจฟังในเรื่องที่สอน แต่งกายถูกระเบียบไม่มีใครมาเรียนสาย





สรุปวิจัยคณิตศาสตร์

🕵‍♂🕵‍♂  สรุปวิจัยคณิตศาสตร์ 💱

เรื่อง การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัย 

โดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรคเพื่อการเรียนรู้



ปริญญานิพนธ์

 ของ 

คมขวัญ อ่อนบึงพร้าว


👉👉 ดูเอกสารวิจัย 👈👈


ความสำคัญของวิจัย 🍰

การวิจัยครั้งนี้เป็นแนวทางของการใช้นวัตกรรมการเรียนการสอนด้วยกระบวนวิธิของ ศิลปะรูปแบบต่างๆมาประยุกต์เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัยซึ่ง ผลการวิจัยจะเป็นแนวทางให้กับครู และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก ได้พัฒนารูปแบบการจัด ประสบการณใหม่ๆ ให้กับเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยและเกิดความ หลากหลายในวิชาการศึกษาสําหรับครูมากขึ้น

ขอบเขตของการวิจัย 🍹

ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ประชากรวิจัย ประชากรที่ใช้ ในการวิจัยครั้งน ี้เป็นนักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี ซึ่ง กําลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ กรุงเทพมหานคร สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตจํานวน 10 ห้องเรียน 

📌📌 กลุ่มตัวอย่างการวิจัย 📌📌

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กนักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี ซึ่งกําลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนสาธิตอนุบาล ละอออุทิศ กรุงเทพมหานคร สังกัดมหาวิทยาลยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งได้จากการจับฉลากมา 1 ห้องเรียนและได้รับการประเมินทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยใช้แบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยคัดเลือกเด็กที่มีคะแนนทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ใน 15 อันดับสุดท้ายกำหนดเป็น กลุ่มทดลอง 

ตัวแปรศึกษา

1. ตัวแปรอิสระ ได้แก่ รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรคเพื่อการเรียนรู้
 2. ตัวแปรตาม ได้แก่ ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 5 ด้าน ดังนี้ 
           2.1. การบอกตําแหน่ง
           2.2. การจําแนก
           2.3. การนับปากเปล่า 1 – 30 
           2.4. การรู้ค่ารู้จํานวน 1 –20 
           2.5. การเพิ่ม – ลด ภายในจํานวน 1 – 10


ระยะเวลาในการทดลอง

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองซึ่งจัดกระทําในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2549 ใช้เวลาใน
การทดลอง 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 45 นาที 



📌📌 สรุปการวิจัย  📌📌

1. เด็กปฐมวัยที่ ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีคะแนนเฉลี่ย ทักษะพื้นฐานทาง คณิตศาสตร์
 โดยรวม 5 ทักษะและจําแนกรายทักษะ คือ ทักษะการบอกตำแหน่ง ทักษะการจําแนก ทักษะการนับ
 1 – 30 ทักษะการรู้ค่ารู้จํานวน และทักษะการเพิ่ม – ลด ภายในจํานวน 1 – 10 อยู่ในระดับดี แตกต่าง
จากก่อนทดลองอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีค่าเฉลี่ย สูงขึ้น 
2. เด็กปฐมวัยที่ ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มีพัฒนาการทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ในทุกทักษะสูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ.01